บทที่ 6 ทรัพย์สินทางปัญญา
ทรัพย์สินทางปัญญา(Intellectual Property)
*เป็นสิทธิทางกฎหมายที่มีอยู่เหนือสิ่งที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ทางปัญญาของมนุษย์
ประเภทของทรัพย์สินทางปัญญา
ทรัพย์สินทางปัญญา แบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้
1.ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม (Industrial property)
2.ลิขสิทธิ์ (Copyright)
1.ทรัพย์สินอุตสาหกรรม (Industrial property)
*เป็นความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่เกี่ยวกับสินค้าอุตสาหกรรม
*โดยอาจเป็นความคิดในการประดิษฐ์คิดค้น การออกแบบผลิตภัณฑ์ทางอุตสาหกรรม
*นอกจากนี้ยังรวมถึงเครื่องหมายการค้าหรือยี่ห้อ ชื่อและถิ่นที่อยู่ทางการค้า ที่รวมถึงแหล่งกำเนิดสินค้าและการป้องกันการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม
ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม สามารถแบ่งประเภทออกได้ดังนี้
1.1สิทธิบัตร(Patent)
1.2 เครื่องหมายการค้า (Trademark)
1.3 ความลับทางการค้า (Trade Secrets)
1.4 ชื่อทางการค้า (Trade Name)
1.5 สิ่งบ่งชื่อทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication)
1.1 สิทธิบัตร (Patent)
*หนังสือที่สำคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์คิดค้น (Invention) การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design) หรือผลิตภัณฑ์อรรถประโยชน์ (Utility)
*หนังสือที่สำคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์คิดค้น (Invention) การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design) หรือผลิตภัณฑ์อรรถประโยชน์ (Utility)
อาจแยกคำนิยาม “สิทธิบัตร’ ได้เป็น 2 ความหมาย ดังนี้
*สิทธิบัตร หมายถึง หนังสือสำคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์คิดค้นหรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ ที่มีลักษณะตามที่กฎหมายกำหนด
*สิทธิบัตร หมายถึง สิทธิพิเศษที่กฎหมายบัญญัติให้เจ้าของสิทธิบัตรมีสิทธิเด็ดขาดหรือ สิทธิแต่เพียงผู้เดียว ในการแสวงหาประโยชน์จากการประดิษฐ์หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ได้รับสิทธิบัตรนั้น
การประดิษฐ์ (Invention)
*การประดิษฐ์ คือ การคิดค้นหรือคิดทำขึ้นเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ หรือกรรมวิธีใหม่ ที่แตกต่างไปจากเดิม
*การประดิษฐ์ที่ขอรับสิทธิบัตรได้
-ต้องเป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ คือ เป็นการประดิษฐ์ที่แตกต่างไปจากเดิม ยังไม่เคยมีใช้หรือแพร่หลายมาก่อนในประเทศ
-สิทธิบัตรการประดิษฐ์มีอายุ 20 ปี นับจากวันยื่นคำขอสิทธิบัตร

การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design)
*การออกแบบผลิตภัณฑ์ หมายถึง ความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับรูปร่าง
ลักษณะภายนอกของผลิตภัณฑ์ ที่แตกต่างไปจากเดิม
*การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ขอรับสิทธิบัตรได้
-ต้องเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่ออุตสาหกรรมหรือหัตถกรรม
-สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์
มีอายุ 10 ปี นับจากวันยื่นคำขอสิทธิบัตร
ผลิตภัณฑ์อรรถประโยชน์(Utility Model)
*ผลิตภัณฑ์อรรถประโยชน์ หรือเรียกอีกอย่างว่า อนุสิทธิบัตร (Petty
Patent) จะมีลักษณะคล้ายกับการประดิษฐ์
แต่เป็นความคิดสร้างสรรค์ที่มีระดับการพัฒนาเทคโนโลยีไม่สูงมาก
หรือเป็นการประดิษฐ์คิดค้นเพียงเล็กน้อย
*เป็นการให้ความคุ้มครองสิ่งประดิษฐ์คิดค้น
เช่นเดียวกับสิทธิบัตรการประดิษฐ์
แต่แตกต่างกันตรงที่การประดิษฐ์ที่จะขอรับอนุสิทธิบัตร เป็นการประดิษฐ์ที่มีเป็นการปรับปรุงเพียงเล็กน้อย
และมีประโยชน์ใช้สอยมากขึ้น
*การออกแบบผลิตภัณฑ์อรรถประโยชน์ที่ขอรับอนุสิทธิบัตรได้
-เป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่
คือ ยังไม่เคยมีจำหน่ายหรือขายมาก่อน หรือยังไม่เคยเปิดเผยรายละเอียด
-อนุสิทธิบัตรการประดิษฐ์ มีอายุ 6
ปี นับจากวันยื่นคำขอรับอนุสิทธิบัตร สามารถต่ออายุได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 ปี รวมเป็น 10 ปี
*เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์หรือตราที่ใช้กับสินค้าหรือบริการ
*อาจเป็นภาพถ่าย ภาพวาด ภาพประดิษฐ์ ตรา ชื่อ คำ ข้อความ ตัวหนังสือ ตัวเลข
ลายมือชื่อ
-เครื่องหมายสำหรับสินค้า (Goods
Marks) คือตราสินค้าที่ติดอยู่กับตัวสินค้าเพื่อให้จดจำง่าย
ซึ่งเราได้พบเห็นกันอยู่ทั่วไป เช่น ตราของโค้ก หลุยส์วิคตอง ที่มีรูปลักษณ์เฉพาะตัว
-เครื่องหมายบริการ (Service
Mark) เครื่องหมายที่ใช้ในธุรกิจบริการ เช่น การบินไทย FedEx
-เครื่องหมายร่วม (Collective
Mark) เป็นเครื่องหมายที่ใช้ร่วมกับบริษัทในเครือ เช่น
บริษัทปูนซิเมนต์ไทย
1.3 ความลับทางการค้า (Trade Secrets)
*ข้อมูลการค้าซึ่งยังไม่รู้จักกันโดยทั่วไปหรือยังเข้าถึงไม่ได้ในหมู่บุคคล
และเป็นข้อมูลที่เจ้าของหรือผู้มีหน้าที่ควบคุมความลับทางการค้าไดใช้
มาตรการที่เหมาะสม รักษาไว้เป็นความลับ
“ ข้อมูลทางธุรกิจที่ยังไม่เปิดเผย
”
*ในกรณีที่ธุรกิจอาจมีความลับทางส่วนผสมทางการผลิต
ก็อาจจดทะเบียนทางลับทางการค้า โดยที่ธุรกิจจะไม่ยอมเปิดเผยสูตรให้ผู้ใด
*ซึ่งผู้อื่นที่มิใช่เจ้าของความลับจะทราบคร่าวๆ เท่านั้นว่าส่วนผสมหลักคือ
อะไรแต่ไม่ทราบรายละเอียดจริง
1.4 ชื่อทางการค้า (Trade Name)
*ชื่อที่ใช้ในการประกอบกิจการ เช่น ไทยประกันชีวิต ขนมบ้านอัยการ โกดัก
ฟูจิ เป็นต้น
1.5 สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication)
*สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หมายถึง ชื่อ สัญลักษณ์ หรือสิ่งอื่นใดที่ใช้เรียกหรือใช้แทน
แทนแหล่งภูมิศาสตร์
*สามรถบ่งบอกว่าสินค้าที่เกิดจากแหล่งภูมิศาสตร์นั้นเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ
ชื่อเสียง หรือคุณลักษณะเฉพาะของแหล่งภูมิศาสตร์นั้น เช่น มีดอรัญญิก ส้มบางมด
ผ้าไหมไทย แชมเปญ เป็นต้น
2.ลิขสิทธิ์ (Copyright)
*ลิขสิทธิ์ เป็นผลงานที่เกิดจากการใช้สติปัญญา ความรู้ความสามารถ
และความวิริยะอุตสาหะในการสร้างสรรค์งานให้เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็น “ทรัพย์ทางปัญญา”
ประเภทหนึ่งที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ
*ลิขสิทธิ์ เป็นทรัพย์สินประเภทหนึ่งสามารถซื้อขาย
หรือโอนสิทธิกันได้ทั้งทางมรดก หรือ โดยวิธีอื่นๆ
การโอนลิขสิทธิ์ควรที่จะทำเป็นลายลักษณ์อักษร หรือทำเป็นสัญญาให้ชัดเจน
จะโอนสิทธิทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนก็ได้
งานสร้างสรรค์ที่มีลิขสิทธิ์
*งานวรรณกรรม *งานนาฏกรรม *งานศิลปกรรม *งานดนตรีกรรม
*งานโสตทัศนวัสดุ
*งานภาพยนตร์ *งานสิ่งบันทึกเสียง *งานแพร่เสียงแพร่ภาพ
*งานอื่นใดอันเป็นงานในแผนกวรรณคดี
แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
สิ่งที่ไม่ถือว่าเป็นงานอันลิขสิทธิ์
*ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่างๆ
ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร
*รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
*ประกาศ คำสั่ง ระเบียบ คำชี้แจง
ของหน่วยงานรัฐหรือท้องถิ่น
*คำพิพากษา คำสั่ง
คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
*คำแปล
และการรวบรวมสิ่งต่างๆ ข้างต้น ที่หน่วยงานของรัฐหรือท้องถิ่นจัดทำขึ้น
การได้มาซึ่งลิขสิทธิ์
*สิทธิในลิขสิทธิ์จะเกิดขึ้นโดยทันทีนับตั้งแต่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างผลงานโดยไม่ต้องจดทะเบียน
สิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์
*เจ้าของลิขสิทธิ์ย่อมมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะกระทำการใดๆ
ต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของตน
อายุคุ้มครองลิขสิทธิ์
*งานทั่วๆไป
ลิขสิทธิ์จะมีตลอดอายุผู้สร้างสรรค์ และจะมีต่อไปอีก 50 ปี
นับแต่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตาย กรณีเป็นนิติบุคคล ลิขสิทธิ์จะมีอายุ 50 ปี นับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นมา
*งานภาพถ่าย โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์
หรืองานแพร่เสียง แพร่ภาพ ลิขสิทธิ์มีอยู่ 50 ปี
นับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น
*กรณีได้มีการโฆษณางานเหล่านั้น
ในระหว่างระยะเวลาดังกล่าวให้ลิขสิทธิ์มีอยู่ต่อไปอีก 50 ปี
นับแต่โฆษณาครั้งแรก ยกเว้นในกรณีศิลปประยุกต์ ให้มีลิขสิทธิ์อยู่ต่อไปอีก 25
ปี นับแต่โฆษณาครั้งแรก
*ผลภายหลังลิขสิทธิ์หมดอายุ
งานนั้นตกเป็นสมบัติของสาธารณะ บุคคลใดๆ สามารถใช้งานนั้นๆ
ได้โดยไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
รูปแบบการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
*การปลอมแปลง
เป็นการผลิตที่มีการใช้วัสดุ รูปลักษณ์ ตราสินค้าที่เหมือนกับเจ้าของทุกประการ
โดยที่ผู้ซื้ออาจแยกไม่ออกว่าเป็นของจริงหรือไม่ เช่น การปลอมนาฬิกาโรเล็กซ์
เสื้อโปโล กระเป๋าหลุยส์ วิคตอง,สินค้าของ Dior เป็นต้น
*การลอกเลียนแบบ
โดยที่ตัวสินค้ามีรูปร่างหน้าตาเหมือนสินค้าของเจ้าของผู้ผลิต
แต่มีการปรับเครื่องหมายการค้าเล็กน้อย เช่น PRADA เป็น
PRADO เป็นต้น
*การลักลอบผลิต คือ การลักลอบผลิต เทปผี ซีดีเถื่อน
ซึ่งเราได้พบเห็นข่าวการลักลอบผลิตอยู่เป็นประจำ เช่น
ซีดีภาพยนตร์เรื่องต้มยำกุ้งที่เคยเป็นข่าวมา
สำหรับการละเมิดลิขสิทธิ์โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็น
การละเมิดลิขสิทธิ์ทางด้านซอฟต์แวร์ (Software Piracy)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น