บทที่ 1
จริยธรรมทางเทคโนโลยี
บทนำ
-ปัจจุบันองค์กรต่างๆนิยมนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้กับหน้าที่ทางธุรกิจเกือบทั้งหมด
เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ
และสร้างความได้เปรียบคู่แข่งขัน
-ข้อมูลต่างๆขององค์กร
เป็นข้อมูลที่ต้องรักษาไว้เป็นความลับ ครบถ้วนสมบูรณ์ มีความพร้อมใช้
ถูกต้องแม่นยำ และเป็นส่วนตัว ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยของสารสนเทศ
ให้รอดพ้นจากการโจมตีของภัยคุกคามชนิดต่างๆ จากภายในและภายนอกองค์กร
-การป้องกันสารสนเทศจากภัยคุกคามภายนอก
สามารถทำได้โดยการประยุกต์เทคโนโลยีความมั่นคงปลอดภัยชนิดต่างๆ เช่น Firewall
หรือ Router
-แต่สำหรับภายในองค์กร
โดยเฉพาะภัยคุกคามที่เกิดจากตัวบุคคล เช่น พนักงานในองค์กร
จัดว่าเป็นภัยคุกคามประเภทหนึ่งที่องค์กรควรให้ความสนใจ
เนื่องจากพนักงานเป็นผู้ดูแล และใช้ข้อมูล หากพนักงานนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด
ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายได้ในที่สุด
การสร้างจริยธรรม (Ethics)
ในการใช้ข้อมูลและสารสนเทศให้กับพนักงานหรือบุคคลในองค์กร
ความหมายและความสำคัญของจริยธรรม
จริยธรรม (Ethics)
-หลักของความถูกต้องและไม่ถูกต้อง
ซึ่งถูกใช้เป็นตัวแทนของหลักในการปฏิบัติตนของบุคคล
-ความสัมพันธ์ของหลักทางศีลธรรม
อันได้แก่ ความดีและความชั่ว ความถูกต้องและไม่ถูกต้อง หรือหน้าที่และกฎเกณฑ์ทางศีลธรรม
-เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งของ
ปรัชญา
ที่เกี่ยวข้องกับหลักในการปฏิบัติตนของมนุษย์ที่อยู่ร่วมกันในสังคมหรือหมู่คณะใดๆ
-หลักการประพฤติปฏิบัตินั้นได้กระทำสืบเนื่องกันเรื่อยมาจากอดีตจนกลายเป็นประเพณีปฏิบัติในสังคมหรือหมู่คณะนั้นๆ
ดังนั้น หลักจริยธรรม จึงเป็น
กฎเกณฑ์ที่กำหนดขึ้นเพื่อสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยของคนในสังคม
หากบุคคลอยู่ในสังคมซึ่งมีวัฒนธรรมและประเพณีที่แตกต่างกัน ย่อมมีหลักจริยธรรมที่แตกต่างกันออกไปบ้าง
ไม่ว่าจะสังคม เชื้อชาติ หรือศาสนาใดก็ตาม ย่อมต้องการให้บุคคลยึดหลัก จริยธรรมอันดี ในการปฏิบัติตน
ละเว้นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและไม่ถูกต้อง อันจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
เพื่อความสงบสุขของคนในสังคม
ธรรม ธรรมชาติของมนุษย์ที่มีกาย วาจา
เป็นสื่อภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน
จริยธรรม เป็นหลักประพฤติปฏิบัติของบุคคลในสังคมใดๆ (ไม่บังคับใช้
แต่เกิดจากการปลูกฝัง สร้างจิตสำนึก เป็นเรื่องของการแสดงออกทางกาย ทางวาจา )
-การแสดงออกทางกาย คือ ทำแต่สิ่งที่ดีมีประโยชน์ต่อตนเอง
และผู้อื่น รวมทั้งประเทศ ชาติบ้านเมือง เรียกว่า ทำดี
-การแสดงออกทางวาจา คือ พูดแต่เรื่องที่ดีมีประโยชน์ต่อตนเอง
และผู้อื่นที่เรียกว่า พูดดี
ศีลธรรม เป็นการประพฤติที่ดีที่ชอบ เป็นการประพฤติปฏิบัติในทางศาสนา
จรรณยาบรรณ เป็นการประมวลความประพฤติที่ผู้ประกอบอาชีพการงานแต่ละอย่างกำหนดขึ้น
เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณ ชื่อเสียง และฐานะของสมาชิก
อาจเป็นลายลักษณ์อักษร หรือไม่ก็ได้ เช่น จรรยาบรรณของแพทย์ คือ
ประมวลความประพฤติที่วงการแพทย์กำหนดขึ้น
ความหมายของจริยธรรมทางธุรกิจ
-หลักและมาตรฐานด้านศีลธรรม
ที่ชี้นำพฤติกรรมในโลกธุรกิจ
เพื่อการตัดสินใจของแต่ละบุคคลภายในบทบาทขององค์การภายใต้ข้อขัดแย้งระหว่างวัตถุประสงค์และค่านิยม
-การนำหลักจริยธรรมมาประยุกต์ใช้เป็นเครื่องชำนำกิจกรรมทางธุรกิจ
สรุปได้ว่า
จริยธรรมทางธุรกิจ (Business
Ethics)
-เป็นมาตรฐานที่องค์กรธุรกิจใช้เป็นหลักการประพฤติปฏิบัติต่อลูกค้า
ตลอดจนหุ้นส่วนทางการค้า และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องด้วยความยุติธรรม
-ความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร
ก็เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออกด้านจริยธรรมขององค์กรนั่นเอง
จริยธรรมทางธุรกิจสำคัญอย่างไร
-ความเสียหายต่อองค์กรที่เกิดขึ้นเนื่องจากการดำเนินธุรกิจโดยไม่มีจริยธรรมเป็นบทเรียนให้องค์กรหันมาให้ความสนใจในด้านนี้มากขึ้น
โดยให้เหตุผลว่า หากองค์กรดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม จะทำให้เกิดผลดี 5 ประการ ดังนี้
1.ได้ค่านิยมหรือมีค่าความนิยมเพิ่มมากขึ้น
-องค์กรที่มีจริยธรรมทางธุรกิจ
จะมีค่าความนิยมเพิ่มขึ้น การดำเนินธุรกิจก็จะง่ายขึ้น
มีโอกาสได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุด
-ในทางตรงกันข้าม
หากองค์กรใดไม่มีจริยธรรมทางธุรกิจ หรือไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม เช่น
องค์กรที่ปล่อยน้ำเสียลงสู่แม่น้ำที่เกษตรใช้ในการเกษตร จะมีชื่อเสียงในแง่ลบ
การค้าขายขององค์กรจะทำได้ยากขึ้น ส่งผลต่อรายได้และผลกำไรขององค์กรในที่สุด
2. การดำเนินงานในองค์กรมีความสอดคล้องกัน
-โดยหลักจริยธรรมที่องค์กรพึงมี เมื่อต้องดำเนินการร่วมกัน
มีดังนี้
-ดำเนินงานด้วยความซื่อสัตย์และมีคุณธรรม
-ดำเนินงานตามหลักจริยธรรมทั่วไป
ทั้งการกระทำและวาจา
-ปฏิบัติต่อเพื่อร่วมงาน
ลูกค้า และผู้บริโภคด้วยความเคารพนับถือ
-ทำงานด้วยความอุตสาหะ
และความพยายามอย่างดีที่สุด
-รับผิดชอบต่อภาระหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุด
-ยอมรับความแตกต่าง
-ตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและหลักการ
3. เพิ่มผลกำไรให้กับธุรกิจ
-การมีจริยธรรมที่ดีทางธุรกิจ ทำให้ธุรกิจดีไปด้วย
ยังส่งผลให้มีกำไรเพิ่มขึ้นด้วย
4. ป้องกันองค์กรและพนักงานจากการดำเนินการทางกฎหมาย
-องค์กรควรดำเนินธุรกิจด้วยจริยธรรมอันดี และไม่ขัดต่อกฎหมาย
โดยองค์กรสามารถจัดตั้งโครงการเสริมสร้างจริยธรรมทา
งธุรกิจ ดังนี้
-กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการกระทำที่ไม่ขัดต่อกฎหมายและจะต้องมีจริยธรรมอันดี
-ทำความเข้าใจในจุดแข็งและจุดอ่อนของวัฒนธรรมและความสามารถขององค์กร
-วิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ
เพื่อพิจารณาว่าอะไรคือแรงกดดันที่ธุรกิจต้องเผชิญ
พิจารณาพฤติกรรมเสี่ยงด้านอาชญากรรม ความล่อแหลมต่อกฎหมาย และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
5. หลีกเลี่ยงข่าวในแง่ลบ
-หากองค์กรมีชื่อเสียงในทางที่ดี จะช่วยให้มูลค่าหุ้นขององค์กรเพิ่มมากขึ้น
-ในทางตรงกันข้าม
หากองค์กรมีชื่อเสียงในแง่ลบก็จะส่งผลให้มูลค่าหุ้นลดต่ำลงทันที
การเสริมสร้างจริยธรรมทางธุรกิจในองค์กร
1.แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ด้านจริยธรรมขององค์กร
-เจ้าหน้าที่ด้านจริยธรรมขององค์กร
คือ ผู้จัดการระดับอาวุโส ทำหน้าที่กำหนดวิสัยทัศน์และทิศทางที่เกี่ยวข้องกับหลักปฏิบัติของธุรกิจ
-โดยทำหน้าที่บูรณาการจริยธรรมขององค์กร นโยบาย กิจกรรมการปฏิบัติตามกฎหมาย
และหลักปฏิบัติของธุรกิจ
ให้เข้ากับกระบวนการตัดสินใจในการดำเนินงานทุกระดับขององค์กร
2. กำหนดมาตรฐานทางจริยธรรม
-การกำหนดมาตรฐานทางจริยธรรมขององค์กร
เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจขององค์กรดำเนินไปด้วยความโปร่งใส
ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับทางอุตสาหกรรม และไม่มีความเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง
3. กำหนดจรรณยาบรรณขององค์กร
-เป็นการประกาศประเด็นด้านจริยธรรมและระบุหลักการปฏิบัติที่สำคัญ
ต่อองค์กรและการตัดสินใจในระดับต่างๆ
-ควรเน้นในเรื่องของความเสี่ยงด้านจริยธรรมทางธุรกิจ
ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของตนในแต่ละวัน
4. ให้มีการตรวจสอบทางสังคม
-เป็นการตรวจสอบการดำเนินกิจกรรมทางสังคมขององค์กร
โดยองค์กรจะต้องรายงานผลการดำเนินกิจกรรมทางสังคมให้แก่บุคลากรทุกกลุ่ม
ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน นักลงทุน ผู้ถือหุ้น ลูกค้า ซัพพลายเออร์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่รัฐบาล
และประชาชนทั่วไป
5.กำหนดเงื่อนไขทางจริยธรรมไว้ในแบบประเมินพนักงาน
-เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามนโยบายจริยธรรมทางธุรกิจ บางองค์กรอาจเพิ่มเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรมในแบบประเมินพนักงาน
เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการวัดจริยธรรมของพนักงาน เช่น
-พนักงานเคารพสิทธิของเพื่อนร่วมงานหรือไม่
-พนักงานพัฒนาตนอย่างต่อเนื่องหรือไม่
จริยธรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
-ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความนิยมใช้อินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลาย
ทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์สามารถจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลส่วนตัวแบบออนไลน์ไก้เป็นจำนวนมาก
ความไว้วางใจในระบบสารสนเทศก็มีมากขึ้น
ทำให้มีความเสี่ยงในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในทางที่ผิดมากขึ้นด้วย
แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ส่งผลกระทบต่อจริยธรรม
-ขีดความสามารถในการประมวลผลเพิ่มขึ้น
-องค์กรส่วนใหญ่นำระบบสารสนเทศมาใช้ในธุรกิจหลักขององค์กรมากขึ้น
-ทำให้ผู้เกี่ยวข้องกับระบบต้องพึ่งพาระบบมากขึ้น
-เสี่ยงต่อการถูกลักขโมย
-อีกทั้งคุณภาพและความน่าเชื่อถือของข้อมูลลดลง
-ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีการเก็บรักษาข้อมูล
และราคาที่ลดลงอย่างรวดเร็ว
เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการกระจายตัวอย่างมากมายของฐานข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล
-ความก้าวหน้าในการเก็บรักษาข้อมูลทำให้การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลทำได้ในราคาถูกมาก
แต่กลับมีประสิทธิภาพสูงยิ่ง
-ความก้าวหน้าในการวิเคราะห์ข้อมูล
-เทคโนโลยีของระบบสารสนเทศ
ช่วยให้องค์กรสามารถปะติดปะต่อและรวบรวมข่าวสารที่เก็บรักษาอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ให้กลายเป็นข่าวสารที่เป็นประโยชน์ได้อย่างง่ายดาย
-ซึ่งอาจถูกนำไปใช้หาผลประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมได้
-ความก้าวหน้าของระบบเครือข่ายและอินเทอร์เน็ต
-สามารถเคลื่อนย้ายข้อมูลในปริมาณที่สูงมาก
โดยใช้ระยะเวลาที่สั้นมาก
-ทำให้การขโมยข้อมูลจากเครือข่ายอื่นและเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทำได้ง่ายขึ้น
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศกับพฤติกรรมที่ขัดหลักจริยธรรม
-ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหลายล้านคนในโลก นิยมใช้เครือข่ายประเภท Peer-to-peer
ในการอัพโหลดและดาวน์โหลดเพลง ภาพยนตร์
และซอฟต์แวร์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
นั่นคือการละเมิดลิขสิทธิ์เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
-หลายองค์กรนิยมใช้วิธีการโฆษณาสินค้าด้วยการส่งอีเมล์ในลักษณะ
Spam Mail ซึ่งเป็นการรบกวนผู้ได้รับอีเมล์
ถึงแม้ว่าการโฆษณาด้วยวิธีนี้จะมีต้นทุนน้อยมากก็ตาม
-แฮกเกอร์เจาะเข้าไปในระบบฐานข้อมูลของสถาบันการเงิน
เพื่อขโมยข้อมูลลูกค้าไปใช้ประโยชน์ในทางที่ผิดกฎหมาย เช่น
นำไปเปิดบัญชีบัตรเครดิตเพื่อซื้อสินค้า
ซึ่งเป็นใบแจ้งหนี้จะถูกส่งไปยังเจ้าของข้อมูลโดยที่ตนเองไม่ได้จ่ายตามรายการนั้นเลย
เป็นต้น
-นักศึกษาส่วนใหญ่สามารถดาวน์โหลด E-Book ได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
และสามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการเรียนได้จากอินเทอร์เน็ต
-Web Sever ของเว็บไซต์ส่วนใหญ่มีการบันทึกไฟล์
Cookies ไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ตน
เพื่อการจดจำและบันทึกการเข้าใช้เว็บไซต์ไว้
จริยธรรมสำหรับผู้ใช้ไอที
-ประเด็นด้านจริยธรรมสำหรับผู้ใช้ไอที
1.การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์
(Software Piracy)
-คือการทำซ้ำหรือดัดแปลง
การเผยแพร่ซอฟต์แวร์ต่อสาธารณะชน การให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนาซอฟต์แวร์ ตลอดจนการแสวงหากำไรจากซอฟต์แวร์โดยไม่ได้รับอนุญาต
หรือโดยไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายตามลิขสิทธิ์ที่กำหนดไว้
2.การใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างไม่เหมาะสม
-การเข้าชมเว็บไซต์ต่างๆในเวลางาน
เข้าเว็บไซต์ลามก อนาจาร การดาวน์โหลดภาพยนตร์ เพลง หรือซอฟต์แวร์อื่นๆ
โดยใช้อินเทอร์เน็ตขององค์กร
-พฤติกรรมดังกล่าวจัดว่าเป็นการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ขององค์กรอย่างไม่เหมาะสม
ทำให้ปริมาณงานลดน้อยลง องค์กรมีความเสี่ยงต่อการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ด้วย เช่น
การ Forward E-mail ลามกอนาจาร เป็นต้น
3.การแบ่งปันสารสนเทศอย่างไม่เหมาะสม
-ผู้ใช้งานไอทีและผู้ใช้ทั่วไป
มักมีการแบ่งปันข้อมูลข่าวสารระหว่างกันอยู่เสมอ เนื้อหาของข้อมูลข่าวสารที่แลกเปลี่ยนกัน
บางครั้งเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
หรือข้อมูลที่เป็นความลับทางการค้า เช่น แผนงานโปรโมชั่นทางการตลาด สูตรการผลิต
กระบวนการผลิต เป็นต้น
บัญญัติ 10 ประการ
ในการใช้คอมพิวเตอร์
2.ต้องไม่แทรกแซงหรือรบกวนงานคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่น
3.ต้องไม่สอดแนมไฟล์คอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่น
4.ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ในการลักขโมย
5.ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นพยานเท็จ
6.ต้องไม่คัดลอกหรือใช้ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์
7.ต้องไม่ใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
หรือไม่ได้จ่ายค่าตอบแทนอย่าง เหมาะสม
8.ต้องไม่ละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น
9.ต้องตระหนักถึงผลที่ตามมาต่อสังคมที่เกิดจากโปรแกรมที่ตัวเองเขียนหรือกำลังออกแบบอยู่เสมอ
10.ต้องใช้คอมพิวเตอร์ในทางที่พิจารณาดีแล้วว่าเหมาะสมและเคารพต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเสมอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น